7 สูตรลัด “ชั้นวางของ คำนวณรับน้ำหนักชั้นวางแบบง่าย (ต่อแผ่น/ต่อบีย์)” ให้ปลอดภัยและคุ้มค่า
ทำไมการคำนวณรับน้ำหนักจึงสำคัญ
การเลือกและใช้งานชั้นวางที่ถูกต้องเริ่มจากการคำนวณโหลดอย่างมีหลักการ เพราะความผิดพลาดเล็กน้อยอาจนำไปสู่ การแอ่นตัว แตกหัก ล้มทั้งบีย์ สร้างความเสียหายต่อสินค้า คน และระบบปฏิบัติการ ทั้งยังบานปลายเป็นต้นทุนซ่อม/หยุดงาน (downtime) ที่ไม่จำเป็น บทความนี้จะปูพื้นตั้งแต่หลักการง่าย ๆ ไปจนถึง สูตรลัดและตัวอย่างจริง ให้คุณคำนวณได้รวดเร็วและปลอดภัย
หมายเหตุ: เพื่อให้คำค้นอยู่ในกรอบเนื้อหาชัดเจน บทความนี้จะใช้คำหลัก “ชั้นวางของ คำนวณรับน้ำหนักชั้นวางแบบง่าย (ต่อแผ่น/ต่อบีย์)” เป็นแกนอธิบายตั้งแต่ต้นจนจบ
คีย์เวิร์ดหลักและขอบเขต
-
“ต่อแผ่น” (Per Shelf/Deck): ความสามารถรับน้ำหนักของแผ่นชั้นหนึ่งแผ่น เมื่อกระจายน้ำหนักสม่ำเสมอ (UDL)
-
“ต่อบีย์” (Per Bay): โหลดรวมของชุดชั้นระหว่างเสาคู่หนึ่ง ๆ (มีหลายแผ่นซ้อนกันในบีย์เดียว)
ขอบเขตเนื้อหานี้เป็น แนวทางเบื้องต้นแบบปฏิบัติได้จริง สำหรับผู้ใช้ทั่วไป/SME หากเป็นงานวิศวกรรมเฉพาะ (ชั้นสูง, รับพาเลตหนักมาก, ห้องเย็นขนาดใหญ่) ควรอ้างอิงคู่มือผู้ผลิตและวิศวกรโครงสร้างเสมอ
หลักการรับน้ำหนักพื้นฐาน
-
UDL (Uniformly Distributed Load): น้ำหนักกระจายเท่า ๆ กันบนแผ่นชั้น ทำให้คาน/แผ่นรับได้เต็มสเปค
-
Point Load (จุดกด): วางหนักเป็นก้อน ๆ บริเวณกลางแผ่น จะลดความสามารถรับน้ำหนักลงอย่างมีนัยสำคัญ
-
Span (ช่วงคาน/ระยะพาด): ยิ่งกว้าง คานยิ่งแอ่นง่าย ความสามารถรับน้ำหนักต่อแผ่นลดลง
-
วัสดุและหน้าตัด: เหล็กพ่นสี/ชุบสังกะสี, ไม้, สแตนเลส, ตะแกรง (wire deck) แต่ละชนิดให้ความแข็งแรงต่างกัน
-
การยึดฐาน/ค้ำยึด: Upright, bracing, anchor และ footplate มีผลต่อความมั่นคง “ต่อบีย์”
ส่วนประกอบชั้นวางที่มีผลต่อโหลด
-
เสา (Upright): รับแรงอัดและส่งต่อโหลดลงพื้น
-
คาน (Beam): รับแรงดัดจากแผ่นชั้น ยิ่งหน้าตัดใหญ่ ยิ่งรับได้มาก
-
แผ่นชั้น (Deck): เหล็ก/ไม้/ตะแกรง เลือกให้สอดคล้องกับ UDL ที่ต้องการ
-
ค้ำยึด (Bracing/Back panel): เพิ่มความแข็งแรงด้านข้างและด้านหลัง
-
Anchor/Footplate: ยึดฐานกับพื้น ลดการโยก/ล้ม โดยเฉพาะชั้นสูงหรือรับพาเลต
สูตรลัด 7 ขั้นสำหรับคำนวณเบื้องต้น
-
เก็บข้อมูลสินค้า: น้ำหนักต่อหน่วย ขนาด ชนิดบรรจุภัณฑ์
-
กำหนดรูปแบบวาง: กระจายเต็มแผ่น (UDL) หรือเป็นก้อน (Point load)
-
เช็คสเปคผู้ผลิต: ค่า UDL ต่อแผ่น, ความยาวแผ่น, ประเภทคาน/แผ่น
-
คำนวณต่อแผ่น: น้ำหนักสินค้าที่จะวางรวมกัน ≤ UDL ต่อแผ่น / Safety Factor
-
คำนวณต่อบีย์: ผลรวมทุกแผ่นในบีย์ + น้ำหนักโครงสร้าง ≤ ความสามารถของเสา/ค้ำยึด และการยึดฐาน
-
ตรวจความเสถียร: ระยะทางเดิน, จุดกันชนเสา, ระยะถึงสปริงเกลอร์
-
ติดป้ายโหลด: ระบุ “ต่อแผ่น” และ “ต่อบีย์” ชัดเจน ณ จุดใช้งาน
การคำนวณ “ต่อแผ่น” (Per Shelf/Deck)
สูตรพื้นฐาน:
ความสามารถใช้งานจริงต่อแผ่น = (UDL ผู้ผลิต ต่อแผ่น) ÷ Safety Factor
เลือก Safety Factor (SF) เบื้องต้น: 1.25–1.5 สำหรับงานเบา–กลาง, 1.6–2.0 สำหรับงานเสี่ยง/วางเป็นก้อน/สภาพแวดล้อมไม่แน่นอน
ตัวอย่าง:
-
ผู้ผลิตระบุ UDL ต่อแผ่น = 200 กก.
-
เลือก SF = 1.5 (งานทั่วไป)
-
ความสามารถใช้งานจริง = 200 ÷ 1.5 = 133 กก.ต่อแผ่น
หมายความว่า ควรวางน้ำหนักรวมต่อแผ่นไม่เกิน 133 กก. และควรวางแบบกระจายเท่า ๆ กัน
เทคนิคการจัดวาง:
-
วางของหนัก ใกล้เสา หรือ ชิดด้านใน
-
หลีกเลี่ยงวางก้อนหนักตรงกลางแผ่น
-
ถ้าจำเป็นต้องวางเป็นก้อน ให้ลดโหลดใช้งานลงอีก 10–20%
การคำนวณ “ต่อบีย์” (Per Bay)
คำจำกัดความ: บีย์ = ชุดชั้นระหว่างเสาคู่หนึ่ง (เช่น ซ้าย–ขวา) อาจมีหลายแผ่นซ้อนกัน
สูตรพื้นฐาน:
โหลดใช้งานรวมต่อบีย์ = ผลรวม(โหลดใช้งานจริงต่อแผ่นแต่ละระดับ) + น้ำหนักโครงสร้างบางส่วน
ต้อง ≤ ความสามารถของเสา/ค้ำยึด/การยึดฐาน และไม่เกินโหลดจุดรับพื้น
ตัวอย่าง:
-
บีย์หนึ่งมี 4 แผ่น แต่ละแผ่นใช้งานได้ 133 กก. (จากตัวอย่างก่อนหน้า)
-
โหลดรวมต่อบีย์ (ไม่นับโครงสร้าง) = 133 × 4 = 532 กก.
-
เพิ่มน้ำหนักโครงสร้างประมาณ 8–12% (สมมุติ 10%) → 532 × 1.10 = 585 กก.
-
ตรวจคู่มือผู้ผลิตว่า Upright และ Bracing ของรุ่นนี้รองรับได้เกิน 585 กก. อย่างปลอดภัย พร้อมระบุจำนวนชั้นสูงสุดที่แนะนำ และตรวจค่า โหลดจุดรับพื้น (floor point load) จากวิศวกรอาคาร
ตัวอย่างคำนวณครบวงจร (ร้านและคลัง)
เคส A: หน้าร้าน Gondola ความยาว 90 ซม. × ลึก 45 ซม. × 4 แผ่น
-
UDL ผู้ผลิตต่อแผ่น = 120 กก.
-
เลือก SF = 1.4 → ใช้งานจริงต่อแผ่น = 120 ÷ 1.4 = 86 กก.
-
ต่อบีย์ = 86 × 4 = 344 กก. (+10% โครงสร้าง ≈ 378 กก.)
-
ข้อแนะนำ: ใช้ stopper/กันตก, วางสินค้าหนักที่ชั้นล่าง ลดศูนย์ถ่วง
เคส B: Selective Rack รับกล่องบนคานยาว 2.7 ม. × 3 ระดับ
-
UDL ต่อระดับ (ผู้ผลิตให้เมื่อใช้แผ่นเหล็ก/ตะแกรงตามสเปค) = 1,000 กก.
-
เลือก SF = 1.6 → ใช้งานจริงต่อระดับ = 1,000 ÷ 1.6 = 625 กก.
-
ต่อบีย์ (3 ระดับ) = 625 × 3 = 1,875 กก. (+10% โครงสร้าง ≈ 2,063 กก.)
-
ตรวจ Upright rating, จำนวนคานผัง (beam level) ที่ผู้ผลิตอนุญาต และ Anchoring ตามคู่มือ
การเลือก Safety Factor ให้เหมาะ
-
1.25–1.4: งานเบา วาง UDL จริง สภาพแวดล้อมแห้ง
-
1.5–1.6: งานทั่วไป มีโอกาสเกิดจุดกด/ย้ายของบ่อย
-
1.8–2.0: งานเสี่ยงสูง อุณหภูมิสุดขั้ว/ความชื้นสูง/รถยกใกล้ชั้น/วัสดุเปราะ
หลักคิดคือ ยิ่งไม่แน่ใจ ยิ่งเพิ่ม SF และคุมการใช้งานจริงด้วยการติดป้ายโหลด–อบรมพนักงาน
ข้อควรระวัง 10 ข้อที่ทำให้คำนวณเพี้ยน
-
ใช้ค่า UDL ของรุ่น “คนละความยาว/หน้าตัดคาน”
-
ลืมคิดน้ำหนักโครงสร้าง/อุปกรณ์เสริม
-
วางกองหนักตรงกลางเป็น “จุดกด”
-
ช่วงคานยาวเกิน ทำให้แอ่นเร็ว
-
ความชื้น/สนิม ลดความแข็งแรงจริง
-
ไม่ได้ยึด Anchor กับพื้นในชั้นสูง
-
เปลี่ยนเลย์เอาต์ระดับชั้นโดยไม่ทบทวนโหลด
-
ไม่มี back bracing/diagonal bracing ในชั้นสูง
-
พื้นอาคารรับน้ำหนักจุดไม่พอ
-
ไม่เคยทดสอบภาคสนามและตรวจสภาพตามรอบ
ตารางสรุปค่าอ้างอิงเบื้องต้นตามประเภทชั้น
(ค่าโดยทั่วไปเพื่อการประมาณเบื้องต้น—ต้องยืนยันกับสเปคผู้ผลิตเสมอ)
ประเภทชั้น | ช่วงรับน้ำหนักต่อแผ่นโดยทั่วไป (UDL) | หมายเหตุการใช้งาน |
---|---|---|
Gondola/Wall (หน้าร้าน) | 50–150 กก./แผ่น | ใช้ stopper/กันตก วางหนักชั้นล่าง |
Boltless/Slotted Angle | 100–300 กก./แผ่น | ประกอบง่าย คุ้มค่า ระวังจุดกด |
Wire Shelving | 80–200 กก./แผ่น | ระบายอากาศดี เหมาะอาหารแห้ง/ห้องเย็นเบา |
Selective Rack (กล่อง/ของวางบนแผ่น) | 300–1,200 กก./ระดับ | ขึ้นกับคาน/แผ่น/ช่วงพาด |
Carton Flow | 30–80 กก./ราง | เน้นหมุนเวียนเร็ว (FIFO) |
Pallet Flow/Push-back | 500–2,000+ กก./พาเลต | ต้องออกแบบเฉพาะและทดสอบจริง |
Cantilever | แปรผันตามแขนและช่วงเสา | งานวัสดุยาว ต้องคำนวณวิศวกรรม |
การทดสอบภาคสนามแบบง่าย
-
เตรียมน้ำหนักทดสอบ ทีละ 25–50% ของค่าใช้งานตั้งเป้า
-
วัดการแอ่น (deflection) กลางคาน/แผ่น ด้วยสเกลหรือตลับเมตร
-
เกณฑ์หยุดทดสอบทันที: เมื่อได้ยินเสียงผิดปกติ, คล็อกล็อกคานหลุด, การแอ่นเกินแนวทางผู้ผลิต, เสา/คานบิด
-
บันทึกผลและติดป้ายโหลด ตามค่าที่ปลอดภัยจริง ไม่ใช่ค่าที่ “อยากได้”
เช็กลิสต์ก่อนสั่งซื้อ–ก่อนใช้งานจริง (18 ข้อ)
-
รายการ SKU พร้อมน้ำหนัก/ขนาด 2) รูปแบบการวาง (UDL/จุดกด)
-
ความยาวแผ่นและช่วงคาน 4) UDL ต่อแผ่นจากผู้ผลิต
-
Safety Factor ที่เลือก 6) คำนวณต่อแผ่นและต่อบีย์
-
Upright/Bracing rating 8) Anchor/Footplate ตามคู่มือ
-
ระยะทางเดินและกันชนเสา 10) ระยะถึงสปริงเกลอร์
-
ป้ายโหลดต่อแผ่น/ต่อบีย์ 12) ตารางตรวจสภาพ 3–6 เดือน
-
แผนอบรมผู้ใช้งาน 14) การทดสอบภาคสนามก่อนใช้งานจริง
-
เอกสารคู่มือและแรงบิดน็อต 16) อะไหล่/บริการหลังการขาย
-
ประเมิน TCO (รวมซ่อม/บำรุง) 18) เผื่อการขยายใน 12–24 เดือน