ก่อนติดตั้งชั้นวางเหล็ก ต้องเช็กอะไรบ้างเรื่องพื้นและการรับน้ำหนักอาคาร

ก่อนจะสั่งซื้อหรือติดตั้งชั้นวางเหล็กในคลังสินค้า หลายคนมักโฟกัสแค่ “แบบชั้นวาง” แต่ลืมดูว่า พื้นกับโครงสร้างอาคารรับน้ำหนักไหวหรือไม่ ทั้งที่จริง ๆ แล้วจุดนี้คือหัวใจความปลอดภัย ถ้าพื้นรับน้ำหนักไม่พอ อาจเกิดพื้นร้าว ทรุด หรือร้ายแรงถึงขั้นโครงสร้างเสียหายได้

มาดูเช็กลิสต์ง่าย ๆ ที่ควรตรวจสอบก่อนติดตั้งชั้นวางเหล็กกัน


1. ขอข้อมูล “ค่ารับน้ำหนักพื้น” จากวิศวกรหรือเจ้าของอาคาร

อย่างแรกที่ต้องรู้คือ พื้นรับน้ำหนักได้สูงสุดเท่าไหร่ต่อ 1 ตารางเมตร

สิ่งที่ควรถาม/ขอเอกสาร เช่น

  • แบบโครงสร้าง / As-built drawing

  • ค่ารับน้ำหนักบรรทุกใช้งานของพื้น (เช่น 500 kg/m², 1,000 kg/m² ฯลฯ)

  • พื้นที่ที่มีข้อจำกัดพิเศษ เช่น โซนใกล้หลุมลิฟต์ บ่อพัก บันได ช่องเปิดต่าง ๆ

  • ถ้าเป็น ชั้นลอย / ชั้น 2–3 ขึ้นไป ต้องยิ่งระวัง เพราะมักรับน้ำหนักได้น้อยกว่าพื้นชั้นล่าง

ถ้าไม่มีข้อมูลชัดเจน ควรให้วิศวกรโครงสร้างช่วยตรวจและออกความเห็นก่อนทุกครั้ง


2. ประเมิน “น้ำหนักจริง” ที่จะลงบนชั้นวางเหล็ก

ต่อมา ต้องรู้ว่าชั้นวางที่เราจะติดตั้ง ลงน้ำหนักกับพื้นเท่าไหร่จริง ๆ ไม่ใช่ดูแค่สเปกชั้นวาง

เบื้องต้นควรคิดรวม 3 ส่วนนี้

  1. น้ำหนักโครงชั้นวางเหล็ก

  2. น้ำหนักสินค้าต่อชั้น × จำนวนชั้น

  3. กระจายน้ำหนักออกมาต่อ “เสา” หรือ “ต่อพื้นที่ (m²)” ของแต่ละแถว

ตัวอย่างคร่าว ๆ

  • น้ำหนักสินค้าต่อพาเลท 800 kg

  • 4 ชั้นต่อแถว = 3,200 kg

  • ยังไม่รวมโครงชั้นวาง

  • จุดที่หนักที่สุดคือบริเวณ ฐานเสา ของชั้นวาง แต่ละเสาจะรับน้ำหนักรวมที่ต่างกัน

ขั้นตอนนี้แนะนำให้ให้ผู้ออกแบบชั้นวางหรือวิศวกรช่วยคำนวณ จะได้ค่าที่ใกล้เคียงความจริงและเทียบกับค่ารับน้ำหนักพื้นได้อย่างปลอดภัย


3. ตรวจสภาพพื้นหน้างานจริง

ถึงแม้ค่ารับน้ำหนักในแบบจะเพียงพอ แต่ พื้นหน้างานจริง ก็ยังต้องตรวจเช็กอยู่ดี

สิ่งที่ควรดูหน้างาน:

  • พื้นเรียบหรือไม่

    • พื้นต่างระดับมาก ๆ อาจทำให้ชั้นวางเอียง ต้องเสริมปูนหรือใช้แผ่นรองปรับระดับ

  • มีรอยแตกร้าวหรือพื้นทรุดไหม

    • รอยร้าวยาว ๆ หรือรอยร้าวที่กว้างขึ้นเรื่อย ๆ ต้องให้วิศวกรตรวจ

  • ตำแหน่งรอยต่อพื้น (Expansion Joint / Construction Joint)

    • ไม่ควรวางเสาชั้นวางลงบนรอยต่อโดยตรง ถ้าเลี่ยงไม่ได้ควรเสริมฐานหรือแผ่นเหล็กช่วยกระจายน้ำหนัก

  • ความชันของพื้น

    • พื้นบางโกดังตั้งใจทำให้เอียงเล็กน้อยเพื่อระบายน้ำ ต้องดูว่าผลต่อการตั้งชั้นวางเป็นอย่างไร

  • สภาพผิว (มัน, ฝุ่น, ลื่น)

    • มีผลต่อการยึดของ Anchor Bolt และความปลอดภัยของการขนย้ายสินค้า


4. ระวังโซนที่มี “ช่องว่างหรือโครงสร้างพิเศษ” ใต้พื้น

บางอาคารอาจมีโครงสร้างหรือช่องว่างด้านล่างที่เราไม่รู้ เช่น

  • ใต้พื้นเป็น บ่อเก็บน้ำ, ถังเกรอะ, ท่อระบายน้ำขนาดใหญ่

  • พื้นที่บนฝ้าใต้ดิน หรือลอยอยู่เหนือพื้นที่อื่น

  • ใกล้ขอบพื้น/ขอบช่องเปิด ที่เหล็กเสริมไม่เหมือนส่วนกลางแผงพื้น

พื้นที่เหล่านี้ถึงแม้พื้นด้านบนจะดูแข็งแรง แต่โครงสร้างรองรับอาจไม่ถูกออกแบบมาให้รับน้ำหนักชั้นวางสินค้าหนัก ๆ ต้องถามข้อมูลจากเจ้าของอาคารหรือวิศวกรให้ชัด ก่อนจะวางผังชั้นวาง


5. วางผังชั้นวางให้ “กระจายน้ำหนัก” ไม่โหลดกระจุกในจุดเดียว

เมื่อรู้ค่ารับน้ำหนักพื้นและน้ำหนักของชั้นวางแล้ว ขั้นต่อไปคือออกแบบผังวางให้ โหลดกระจายตัวได้ดี

แนวทางที่ควรพิจารณา:

  • อย่าเอาชั้นวางที่หนักที่สุดไปรวมกันในโซนเดียว

  • จัดให้แถวชั้นวาง วิ่งตามแนวคานรับแรงหลัก (ถ้าได้ข้อมูลจากแบบโครงสร้าง)

  • เผื่อช่องทางเดินรถโฟล์กลิฟต์ให้เหมาะสม เพื่อลดโอกาสชนเสา / ชนชั้นวาง

  • ถ้าบางแถวใช้เก็บสินค้าน้ำหนักมากเป็นพิเศษ อาจต้องเสริมฐานหรือออกแบบชั้นวางให้กระจายน้ำหนักกว้างขึ้น


6. ระบบยึดชั้นวางกับพื้นและอุปกรณ์เสริมด้านความปลอดภัย

เรื่องโครงสร้างพื้นเกี่ยวข้องกับ วิธียึดชั้นวางกับพื้น ด้วย

  • เลือกรุ่น Anchor Bolt ให้เหมาะกับความหนาและชนิดของพื้น

  • ตำแหน่งเจาะต้องหลีกเลี่ยงเหล็กเสริมหลักให้มากที่สุด (ตามคำแนะนำของวิศวกร)

  • พิจารณาเสริม

    • กันชนเสา (Column Guard)

    • ราวกันตก, แผงกันตกด้านหลังสำหรับชั้นสูง

    • แร็คสต็อปกันพาเลทหล่น

ทั้งหมดนี้ช่วยลดความเสี่ยงต่อโครงสร้างพื้นและอุบัติเหตุในโกดัง


7. ให้วิศวกรโครงสร้างตรวจสอบและออกความเห็นก่อนตัดสินใจ

สำหรับงานที่มีน้ำหนักมาก พื้นชั้นลอย หรือโกดังขนาดใหญ่ แนะนำอย่างยิ่งให้

  • ให้ วิศวกรโครงสร้าง ตรวจแบบโครงสร้าง + ดูผังชั้นวาง

  • ขอ รายงานหรือหนังสือยืนยัน การรับน้ำหนัก (ถ้าจำเป็น)

  • ใช้ผู้รับเหมาติดตั้งชั้นวางที่มีประสบการณ์ และพร้อมประสานงานกับวิศวกรอาคาร

ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่ช่วยป้องกันปัญหาใหญ่ในอนาคตได้ดีมาก


สรุป: เช็กพื้นให้ชัวร์ ก่อนตั้งชั้นวางเหล็กทุกครั้ง

ก่อนติดตั้งชั้นวางเหล็ก ไม่ใช่แค่เลือกแบบให้สวยและเก็บของได้เยอะ แต่ต้อง ดูเรื่องพื้นและการรับน้ำหนักอาคารควบคู่กันไป โดยสรุปสิ่งที่ควรทำคือ

  1. ขอข้อมูลค่ารับน้ำหนักพื้นและแบบโครงสร้างจากเจ้าของอาคาร/วิศวกร

  2. คำนวณน้ำหนักรวมของชั้นวาง + สินค้า ให้เห็นภาพโหลดจริง

  3. ตรวจสภาพพื้นหน้างาน รอยร้าว รอยต่อ พื้นทรุด พื้นเอียง

  4. ระวังโซนที่ใต้พื้นเป็นช่องว่าง บ่อ หรือตำแหน่งโครงสร้างพิเศษ

  5. วางผังชั้นวางให้กระจายน้ำหนัก ไม่กองโหลดหนักในจุดเดียว

  6. เลือกวิธีการยึดชั้นวางและอุปกรณ์นิรภัยให้เหมาะกับพื้น

  7. ให้วิศวกรช่วยตรวจและยืนยัน ก่อนลงทุนติดตั้งจริง

ทำเช็กลิสต์พวกนี้ให้ครบตั้งแต่ต้น จะช่วยให้คลังของคุณใช้งานชั้นวางได้อย่างปลอดภัย มั่นใจในโครงสร้าง และพร้อมขยายในอนาคตได้สบายขึ้นมาก 🚚📦

สนใจชั้นวางของ ดูรายละเอียดสินค้าที่นี่
สนใจติดตั้งชั้นวางของอุตสาหกรรม ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม Line : @002dihds