ชั้นวางสินค้า : ในพื้นที่ชื้น/ห้องเย็น เลือกวัสดุและการเคลือบผิวแบบไหน

ชั้นวางสินค้าในพื้นที่ชื้น/ห้องเย็น: เลือกวัสดุและการเคลือบผิวแบบไหน

พื้นที่ชื้นและห้องเย็นเป็น “โซนทดสอบความอึด” ของชั้นวางสินค้า เพราะต้องเจอทั้งความชื้นสูง น้ำคอนเดนเสท (หยดน้ำจากการควบแน่น) อุณหภูมิต่ำ และบางพื้นที่มีไอเคมี/ไอเกลือ (เช่น ห้องแช่ปลา อาหารทะเล) หากเลือกวัสดุหรือผิวเคลือบไม่เหมาะ มักเกิดสนิม ผิวพอง สีลอก หรือโครงสร้างอ่อนแรงเร็วกว่าปกติ ทำให้ต้นทุนซ่อมบำรุงสูงและเสี่ยงต่อความปลอดภัย

ด้านล่างคือแนวทางเลือก “วัสดุ + การเคลือบผิว” ให้เหมาะกับงานจริงแบบเข้าใจง่ายและใช้ตัดสินใจได้ทันที


1) เข้าใจก่อนว่า “ความชื้น/ห้องเย็น” ทำร้ายชั้นวางอย่างไร

  • การควบแน่น (Condensation): อากาศอุ่นเจอผิวโลหะเย็น → เกิดหยดน้ำเกาะตามเสา/คาน/น็อต ทำให้สนิมเริ่มจากจุดเล็กๆ แล้วลาม

  • น้ำล้างพื้น + สารทำความสะอาด: โดนน้ำบ่อย + น้ำยาที่เป็นด่าง/กรดอ่อน ๆ → เร่งการกัดกร่อน

  • ไอเกลือ/คลอไรด์ (อาหารทะเล): เป็นตัวเร่ง “สนิมแบบรุนแรง” โดยเฉพาะสแตนเลสบางเกรด

  • อุณหภูมิต่ำ: วัสดุบางชนิดเปราะขึ้น ยาง/พลาสติกบางตัวแข็งตัว แตกง่าย

สรุป: ห้องเย็นไม่ได้แค่ “เย็น” แต่เป็น “ชื้น + น้ำเกาะ + โดนล้างบ่อย” จึงต้องเลือกวัสดุให้ทนกัดกร่อนจริง


2) ตัวเลือกวัสดุยอดนิยม (เลือกให้เหมาะกับระดับความชื้น)

A) สแตนเลส (Stainless Steel) — ตัวจบสำหรับงานชื้นมาก/ล้างบ่อย

เหมาะกับ: ห้องเย็นอาหารสด, ห้องแช่, โรงงานอาหาร/ยา, โซนล้างทำความสะอาด, อาหารทะเล
จุดเด่น: ไม่เป็นสนิมแบบเหล็กทั่วไป ทำความสะอาดง่าย ดูพรีเมียม อายุใช้งานยาว
ข้อควรระวัง:

  • ถ้าเป็น โซนไอเกลือ/คลอไรด์ แนะนำ SUS316 (ทนกัดกร่อนดีกว่า 304)

  • งานเชื่อม/รอยต่อควรทำเนียนและปิดมุมอับ ลดคราบสกปรกสะสม
    สรุปการเลือก:

  • SUS304 = ห้องเย็นทั่วไป/ความชื้นสูง

  • SUS316 = อาหารทะเล/ไอเกลือ/ล้างเคมีบ่อย

B) เหล็กชุบกัลวาไนซ์ (Hot-dip Galvanized / Zinc Coating) — ทนชื้นดี คุ้มงบ

เหมาะกับ: ห้องเย็นทั่วไป, โกดังชื้น, พื้นที่มีละอองน้ำ แต่ไม่ได้โดนเกลือหนัก
จุดเด่น: ชั้นสังกะสีช่วยกันสนิม เหมาะกับงานโครงสร้าง แข็งแรง คุ้มค่าต่อโหลด
ข้อควรระวัง:

  • ถ้าโดนสารเคมีแรง/ไอเกลือจัด อาจสึกกร่อนเร็วขึ้น

  • จุดตัด/รูเจาะ/เกลียว/รอยเชื่อมต้องป้องกันเพิ่ม เพราะเป็นจุดเริ่มสนิมได้

C) เหล็กพ่นสีฝุ่น (Powder Coating) — สวย แต่ต้อง “งานผิวแน่น” และสภาพแวดล้อมไม่โหดมาก

เหมาะกับ: ห้องเย็นที่ชื้นแต่ควบคุมดี ไม่โดนน้ำล้างหนัก ไม่กระแทกถี่
จุดเด่น: สีสวย เลือกสีแบรนด์ได้ ผิวเรียบ ดูสะอาด
ข้อควรระวัง:

  • ถ้ามีรอยกระแทกจนสีแตก น้ำจะซึมเข้าฟิล์ม → สนิมลามใต้สี (พอง/ลอกเป็นแผ่น)

  • ควรเลือกระบบรองพื้นกันสนิม/พ่นหนา และใช้ชิ้นส่วนปลายมุมที่กันน้ำขัง
    ทริค: ถ้าต้องใช้พ่นสีฝุ่นจริง แนะนำโครงหลัก “ชุบกัลวาไนซ์” แล้วค่อย “พ่นทับ” จะทนกว่าพ่นบนเหล็กดำ

D) อะลูมิเนียม/พลาสติกวิศวกรรม (เฉพาะงานเบา)

เหมาะกับ: ชั้นวางเบา, อุปกรณ์เสริม, แร็คเล็กในห้องเย็นบางประเภท
จุดเด่น: ไม่เป็นสนิม น้ำหนักเบา
ข้อควรระวัง: รับน้ำหนักได้น้อยกว่าเหล็ก โครงสร้างใหญ่ๆ มักไม่คุ้ม


3) เลือก “การเคลือบผิว” ให้ถูกประเภท (หัวใจของความทน)

1) กัลวาไนซ์ (Zinc Coating)

  • แนวทาง: กันสนิมด้วยชั้นสังกะสี

  • เหมาะ: ความชื้นสูงทั่วไป งานโครงสร้างหนัก

  • ข้อดี: ทนชื้นดีมากเมื่อเทียบกับราคา

  • ข้อจำกัด: เจอไอเกลือจัด/เคมีแรง → ควรขยับไปสแตนเลสหรือระบบพิเศษ

2) อีพ็อกซี่/โพลียูรีเทน (Epoxy/PU Paint System)

  • แนวทาง: เคลือบเป็นระบบหลายชั้น (รองพื้น + ทับหน้า)

  • เหมาะ: พื้นที่มีการกัดกร่อนระดับกลาง ต้องการสีเฉพาะ

  • ข้อดี: ปรับสเปกความหนาได้ ทนเคมีบางประเภท

  • ข้อจำกัด: ถ้าเตรียมผิวไม่ดี สีจะหลุดง่าย (ต้องยิงทราย/ทำความสะอาดตามมาตรฐาน)

3) พ่นสีฝุ่น (Powder Coating)

  • แนวทาง: เน้นสวยและผิวเรียบ

  • เหมาะ: งานภายในที่ไม่โดนกระแทก/ล้างหนัก

  • ข้อจำกัด: แพ้รอยแตก/รอยบิ่น (น้ำเข้าใต้สีแล้วสนิมลาม)

4) สแตนเลส “ผิวจริง” (No coating / brushed)

  • แนวทาง: ใช้วัสดุที่ทนกัดกร่อนจากเนื้อแท้

  • เหมาะ: ห้องเย็นโหดๆ, งานอาหาร/ยา, ล้างบ่อย

  • ข้อดี: ดูแลง่าย ไม่ต้องกลัวสีลอก


4) เช็กลิสต์เลือกให้ตรงหน้างาน (เลือกได้ทันที)

กรณี 1: ห้องเย็นอาหารทะเล/ไอเกลือ/ล้างทุกวัน
→ เลือก สแตนเลส SUS316 (ดีที่สุด) หรืออย่างน้อย SUS304 ถ้าไม่โดนเกลือหนัก

กรณี 2: ห้องเย็นทั่วไป (ชื้นสูง มีคอนเดนเสท แต่ไม่ได้โหดมาก)
→ เลือก เหล็กชุบกัลวาไนซ์ (คุ้ม/ทน) หรือ สแตนเลส 304 (ถ้างบถึง)

กรณี 3: พื้นที่ชื้นในอาคาร (ไม่ล้างหนัก เน้นสวย)
→ เลือก กัลวาไนซ์ + พ่นสีฝุ่นทับ หรือ ระบบสีอีพ็อกซี่/PU ที่สเปกเหมาะ

กรณี 4: เน้นประหยัด แต่ยังต้องทนชื้นพอสมควร
→ เลือก กัลวาไนซ์ และจัดการ “จุดเสี่ยง” ให้ดี (น็อต/ขอบตัด/รูเจาะ/รอยเชื่อม)


5) จุดที่คนมักพลาด (ทำให้พังเร็วทั้งที่เลือกวัสดุดี)

  • ใช้น็อต/เพลทคนละวัสดุกัน → เกิดสนิม/คราบกัดกร่อนที่รอยต่อ

  • มี “มุมอับ/น้ำขัง” เช่น ปลายคานเปิด, แผ่นปิดไม่สนิท → ชื้นสะสม

  • ล้างด้วยน้ำยากัดกร่อนโดยไม่ล้างน้ำสะอาดตาม → ผิวเสียเร็ว

  • เลือกชั้นวางรับน้ำหนักใกล้เต็มพิกัดตลอดเวลา → โครงล้า/บิดตัวไว โดยเฉพาะในอุณหภูมิต่ำ


สรุปท้ายเรื่อง

ถ้าพื้นที่ชื้นมากหรือเป็นห้องเย็นที่มีการล้างทำความสะอาดบ่อย สแตนเลส (304/316) คือทางเลือกที่อึดและปลอดภัยที่สุด ส่วนงานห้องเย็นทั่วไปที่ต้องการความคุ้มค่า เหล็กชุบกัลวาไนซ์ เป็นตัวเลือกยอดนิยม แต่ต้องใส่ใจจุดตัด รอยต่อ และอุปกรณ์ประกอบให้ครบระบบ สำหรับงานเน้นความสวย พ่นสีฝุ่น ทำได้ แต่ควรใช้กับสภาพแวดล้อมที่ไม่โหด และควรมีชั้นป้องกันสนิมที่ดีตั้งแต่ต้น

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ Line : @002dihds